ASF ดันราคาหมูทั้งภูมิภาค

โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (AFRICAN SWINE FEVER : AFS) ที่ยังเป็นผลกระทบต่อเนื่องอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรในหลายประเทศยกเว้น “ประเทศไทย” ซึ่งเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ปลอดโรคนี้จนถึงปัจจุบัน

ในขณะที่ประเทศอื่นๆรอบข้าง ต่างได้รับผลจากปัญหาอย่างถ้วนหน้า ทั้งในประเทศจีน ที่โรคนี้ทำให้จำนวนหมูทั้งประเทศลดลงอย่างน้อย 40% ทำให้ราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มพุ่งสูงขึ้น โดยปัจจุบันราคาอยู่ที่ 120-136 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจีนถือเป็นประเทศผู้บริโภคเนื้อหมูรายใหญ่ของโลก ทำให้ความต้องการนำเข้าเพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรในประเทศเพิ่มขื้นอย่างต่อเนื่อง และทำสถิตินำเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 400,000 ตันในเดือนเมษายนที่ผ่านมา คิดเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นมากถึง 170% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนเวียดนาม ที่ประสบปัญหาการระบาดของ ASF ค่อนข้างรุนแรง ปริมาณหมูในประเทศลดลงไปกว่า 25% จึงเกิดปัญหาการขาดแคลนเนื้อหมูอย่างหนัก ขณะที่ชาวเวียดนามมีการบริโภคเนื้อหมูคิดเป็นสัดส่วนกว่า 3 ใน 4 ของการบริโภคเนื้อสัตว์ทั้งหมด ส่งผลให้ในปัจจุบันราคาหมูหน้าฟาร์มของเวียดนามปรับเพิ่มขึ้นสูงถึง 115-120 บาทต่อกิโลกรัม ถือเป็นระดับราคาสูงสุดในรอบ 20 ปี การขาดแคลนเนื้อหมูทำให้เวียดนามต้องนำเข้าเนื้อหมูเพิ่มขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะช่วง 4 เดือนแรกของปี 2563 นี้ มีการนำเข้าแล้วเกือบ 70% ของปริมาณทั้งหมดของปีที่แล้ว

ด้านกัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจาก ASF หลังจากพบการแพร่ระบาดในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นปัจจัยทำให้ราคาเนื้อสัตว์พุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ในเดือนเมษายน ราคาหน้าเขียงเพิ่มขึ้นถึง 59% เป็น 280 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ราคาหมูหน้าฟาร์มเฉลี่ยในปัจจุบันอยู่ที่ 96 บาทต่อกิโลกรัม

ภาวะ ASF กลายเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาหมูทั่วทั้งภูมิภาคสูงขึ้น ขณะที่ราคาหมูขุนมีชีวิตหน้าฟาร์มเฉลี่ยของไทยอยู่ที่ 69 บาทต่อกิโลกรัม ถือว่าคนไทยโชคดีที่นอกจากอาหารจะไม่เคยขาดแคลนแล้ว ยังได้บริโภคเนื้อหมูปลอดภัยในราคาถูกที่สุดในภูมิภาค