รัฐจัด 5 โครงการแก้ไขเกษตรกร”ฝนขาดช่วง-น้ำท่วม”/เลือกขอรับช่วยเหลือ 1 โครงการ ถึง 10 พฤศจิกายนนี้

      นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร บอกว่า จากเหตุการณ์ภัยแล้ง น้ำท่วมลมพายุโพดุลแล้วก็คาจิกิที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้พื้นที่การกสิกรรมได้รับความทรุดโทรม เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนนั้น คณะรัฐมนตรีได้ลงความเห็นตอนวันที่ 15 เดือนตุลาคม 2562 อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำงานตามแผนปฏิ บัติการบูรณะ แก้ไข เกษตรกรผู้เผชิญภัยฝนทิ้งระยะแล้วก็น้ำท่วมปี 2562 จำนวน 5 แผนการ กรอบวงเงินกว่า 3,120 ล้านบาท  ประกอบด้วย 1.โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, ถั่วเขียว) 2.โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าวปี 2563/64 3.โครงการพัฒนาเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมง : การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในบ่อดิน 4.โครงการสร้างรายได้จากอาชีพประมงในแหล่งน้ำชุมชน และ 5.โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีก เพื่อฟื้นฟูเกษตรกรที่ประสบปัญหาอุทกภัย โดยเริ่มเปิดรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม-10 พฤศจิกายน 2562 ระยะเวลาดำเนินโครงการตุลาคม 2562-30 กันยายน 2563

         แนวทางให้ความให้การช่วยเหลือจะต้องเป็นเกษตรกรผู้เผชิญภัยฝนขาดช่วง/ฝนไม่ตก หรือน้ำท่วม ปี 2562 ที่ได้รับความย่ำแย่ทั้งหมดรวมทั้งได้รับการช่วยเหลือตามกฎระเบียบกระ ทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้เผชิญภัยพิบัติกรณีเร่งด่วน พุทธศักราช2562 ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้บูรณาการลักษณะการทำงานของ 4 หน่วยงานในพื้นที่ด้วยกัน ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว กรมประมง แล้วก็กรมปศุสัตว์ ในแต่ละโครงการจะมีเจ้าของงานรับผิดชอบหลัก โดยเกษตรกรที่สนใจสามารถเลือกและสมัครร่วมโครงการได้เพียงแค่ 1 โครงการ จากทั้งหมด 5 โครงการ ข้อกำหนดพื้นฐาน เป็นพื้นที่จะต้องมีเอกสารสิทธิ์ สำหรับเกษตรกรที่สนใจปลูกพืชใช้น้ำน้อยจะต้องมีแหล่งน้ำพอเพียง สนใจเลี้ยงปลาจะต้องมีบ่อดิน หรือเลี้ยงสัตว์ปีกบางทีอาจควรมีโรงเรือนด้วย โดยแต่ละโครงงานมีเป้าหมายแล้วก็หลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

        1.โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, ถั่วเขียว) หน่วยงานรับผิดชอบ คือ กรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ประสบภัยให้สามารถกลับมาเพาะปลูกพืชสร้างรายได้ในฤดูแล้ง โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.ของเกษตรกรเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์ รายละไม่เกิน 20 ไร่ เป้าหมายเกษตรกร 150,000 ครัวเรือน พื้นที่ 1.4 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 100,000 ครัวเรือน พื้นที่ 1 ล้านไร่ อัตราไร่ละ 245 บาท ถั่วเขียว 50,000 ครัวเรือน พื้นที่ 0.4 ล้านไร่ อัตราไร่ละ 200 บาท เกษตรกรเข้าร่วมโครงการตามความสมัครใจ 1 ครัวเรือน ต่อ 1 สิทธิ์ และเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร

       2.โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าวปี 2563/64 หน่วยงานรับผิดชอบ คือ กรมการข้าว เป้าหมายเกษตรกร จำนวน 827,000 ครัวเรือน เมล็ดพันธุ์ข้าว 63,200 ดัน พื้นที่ 6.32 ล้านไร่ โดยสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรไร่ละ 10 กิโลกรัม ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ ชนิดพันธุ์ข้าว 5 ชนิด ประกอบด้วย 1.ข้าวหอมมะลิ (พันธุ์ กข15, ขาวดอกมะลิ 105) 2.ข้าวหอมปทุม (พันธุ์ปทุมธานี1) 3.ข้าวเจ้าไม่ไวแสง (พันธุ์ กข29, กข31, กข41, กข49, กข57, ชัยนาท 1,พิษณุโลก 2) 4.ข้าวเหนียวไม่ไวแสง (พันธุ์สันป่าตอง 1) 5.ข้าวเหนียวไวแสง (พันธุ์ กข6) ทั้งนี้ จะจัดส่งเมล็ดพันธุ์ข้าวกลุ่มไม่ไวแสงช่วงกลาง พ.ย.-กลาง ธ.ค.2562 ส่วนผู้ปลูกข้าวกลุ่มข้าวไวแสงจะจัดส่งมี.ค.- เม.ย.2563

       3.โครงการพัฒนาเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมง : การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในบ่อดิน หน่วยงานรับผิดชอบ คือ กรมประมง เป้าหมายเกษตรกร จำนวน 50,000 ราย โดยสนับสนุนพันธุ์ปลาและอาหารสัตว์น้ำให้แก่เกษตรกร (ได้รับพันธุ์ปลานิลแปลงเพศ จำนวน 800 ตัว/ราย พร้อมอาหารสัตว์น้ำนำร่องจำนวน 120 กิโลกรัม/ราย ซึ่งการเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในบ่อดิน เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น หรือลดรายจ่ายในครัวเรือน โดยพันธุ์ปลานิลแปลงเพศที่สนับสนุนจะมีขนาดใหญ่ใช้ระยะเวลาการเลี้ยงสั้น

        4.โครงการสร้างรายได้จากอาชีพประมงในแหล่งน้ำชุมชน หน่วยงานรับผิดชอบ คือ กรมประมง มีเป้าหมายแหล่งน้ำในชุมชนขนาดกลางหรือขนาดเล็ก จำนวน 1,436 แห่ง โดยสนับสนุนลูกพันธุ์กุ้งก้ามกรามขนาดตั้งแต่ 5-7 เซนติเมตรขึ้นไป จำนวน 200,000 ตัวต่อแหล่งน้ำ ทั้งนี้ การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่มีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่รวดเร็วและเป็นอาชีพเสริมที่ให้ผลตอบแทนสูง

        5.โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีก เพื่อฟื้นฟูเกษตรกรที่ประสบปัญหาอุทกภัย หน่วย งานรับผิดชอบ คือกรมปศุสัตว์ เป้าหมายเกษตรกร 48,000 ครัวเรือน ในพื้นที่ 17 จังหวัด โดยสนับสนุนเป็นเงินโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.ของเกษตรกรเพื่อซื้อพันธุ์ไก่ไข่ เป็ดไข่ ครัวเรือนละ 10 ตัว ไก่พื้นเมืองคละเพศ อายุ 1 เดือนครัวเรือนละ 30 ตัว พร้อมค่าอาหารและค่าวัสดุในการเลี้ยง

        ทั้งนี้ เกษตรกรที่มีพื้นที่ได้รับผลกระทบและเสียหายสิ้นเชิง จากสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยปี 2562 สมัครเข้าร่วมโครงการและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2562