“ฟาร์มเลี้ยงควาย” แบบกึ่งประณีต

“ฟาร์มเลี้ยงควาย” แบบกึ่งประณีต
พร้อมบุกตลาดควายนม แปรรูปสินค้า สร้างรายได้หมุนเวียนรายวัน

“ผึ้ง-จิราภัค ขำอเนก” เจ้าของฉายา “ผู้หญิงเลี้ยงควาย” แห่ง “รวินันท์ฟาร์ม” ต.หนองโสน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เลี้ยงควายกึ่งประณีต เปิดตลาด 4 กลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะตลาดควายนม พร้อมแปรรูปผลิตภัณฑ์จากนมควายสร้างรายได้เข้าฟาร์มรายวัน

คุณผึ้ง เกษตรกรเจ้าของโล่รางวัลเกียรติยศ เครือข่ายสัตว์พันธุ์ดีกรมปศุสัตว์ดีเด่น ระดับประเทศและได้รับรางวัลอื่นๆ เล่าถึงเส้นทางการก้าวสู่เส้นทางการเป็นเกษตรกรเลี้ยงควาย ให้ฟังว่า หลังเรียนจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ สาขาสัตวศาสตร์ ประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างอยู่ในหน่วยงานราชการ ก่อนจะลาออกมาเพื่อมาทำเกษตรเพราะใจรัก “แต่ก่อนเราจะเห็นว่าบ้านเรามีควายเยอะมาก แต่ต่อมาคนเลี้ยงลดน้อยลงเรื่อย เราก็คิดย้อนกลับไปว่าอะไรที่มีน้อยก็น่าจะทำให้มีมูลค่าเพิ่ม และพอมาเริ่มเลี้ยงแฟนก็ชอบด้วยต่างคนก็ต่างสนับสนุนกันและเริ่มเลี้ยงเพิ่มจำนวนขึ้นมาเรื่อยๆ

ควายคุณภาพของรวินันท์ฟาร์ม

“อาชีพเลี้ยงควายเป็นอาชีพที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนเร็ว คนเลี้ยงต้องมีใจรักและความอดทนสูง อย่าง ‘ควายเนื้อ’ เขาเหมือนออมสินเลี้ยงกว่าจะขายได้ก็ต้องเลี้ยงจนกว่าเขาจะโตใช้เวลาเป็นปี ผึ้งก็เลยมองว่าจะเลี้ยงควายอย่างไรให้มีรายได้ทุกวัน ก็คิดเปรียบเทียบกับการเลี้ยงวัวนม เขามีรายได้ทุกวัน วันละ 2 เวลา เราก็อยากได้แบบนั้นบ้างก็เลยไปเข้ากลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เขาได้งบสนับสนุนจากจังหวัด ในเรื่องการเลี้ยงควายนมเราก็ไปเข้ากลุ่มกับเขา แต่ทำไปสักระยะเกษตรกรในกลุ่มก็เกิดปัญหาหลายอย่างและเลิกไป ผึ้งก็ตัดสินใจมาเริ่มต้นทำใหม่ในแบบของเราเอง”

ควายงามระดับพระเอกของฟาร์ม

สำหรับ วิธีการเลี้ยง คุณผึ้งเลือก การเลี้ยงควายแบบกึ่งประณีต คือรักษาความเป็นธรรมชาติของควาย ให้ได้เดินแทะเล็มหญ้า นอนปลักแช่น้ำ ร่วมกับการอยู่ในโรงเรือนเน้นให้อยู่สบาย บริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน ง่ายต่อการดูแล และมีตารางการดูแลในแต่ละวันชัดเจน ดังนี้

07.00 น.             ปล่อยออกจากคอก
10.00 น.             ให้ควายนอนน้ำ
11.00 น.             กลับเข้าคอก กินอาหาร เช่น หญ้า ฟาง และนอน
15.00-15.30 น.   พาควายลงแปลงหญ้าสด
17.30 น.             ให้ควายนอนน้ำ
18.00 น.             พาควายเข้าคอก กินอาหาร เช่น หญ้า ฟาง และนอน

คุณผึ้งอธิบายข้อดีของการเลี้ยงลักษณะนี้ ว่า จะสามารถควบคุมอาหารการกินได้ และดูแลสุขภาพได้ง่าย ดีกว่าการเลี้ยงควายแบบปล่อยทุ่งเพราะคนเลี้ยงจะต้องเสียเวลาในการเดินเฝ้า ถ้าไม่เฝ้าอาจจะทำให้เกิดปัญหา เช่น ไปบุกรุกไร่ สวน นา คนอื่น หรือทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนเกิดความเสียหายหลายอย่าง เพราะฉะนั้นการเลี้ยงแบบกึ่งประณีต และอยู่ในบริเวณที่กำหนดจะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงทำงานง่ายขึ้น และมีเวลาเหลือในการจัดการเรื่องอื่นๆ ในฟาร์ม

สำหรับ การดูแล ควายเนื้อและควายนม ส่วนใหญ่ก็ดูแลคล้ายๆ กัน อาหารหลักๆ ที่ควายต้องการในแต่ละวัน คือ ฟาง ½ ก้อน/ตัว/วัน หญ้าสด 30 กก./ตัว/มื้อ และอาหารข้น (อาหารวัวนม) 1-2 กก./วัน แต่จะต่างกันเล็กน้อยในเรื่องปริมาณอาหาร ซึ่งถ้าเป็นควายนมต้องมีการให้อาหารมากกว่าควายเนื้อ 1 เท่า เพราะต้องรีดนม ซึ่งโดยเฉลี่ยปกติควายนมจะให้ปริมาณน้ำนม 5 กก./วัน (น้อยกว่าวัวนมที่ให้ปริมาณ 15-20 กก./วัน) แต่ก็นับเป็นน้ำนมดิบมูลค่าสูง 70-100 บาท/กก.

ทางด้านการทำตลาด “รวินันท์ฟาร์ม” แห่งนี้ จะแบ่งประเภทการเลี้ยงออกเป็น  4 กลุ่ม เพื่อให้ตรงความต้องการของตลาดลูกค้า ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มควายสวยงาม ควายประกวด เป็นกลุ่มที่ปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์แล้ว สามารถส่งเข้าประกวดหรือขายราคาค่อนข้างสูงมาก “กลุ่มควายประกวดเป็นกลุ่มที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ อย่าง ควายทั่วไปกินอาหาร 2 กิโลกรัม ควายประกวดจะต้องกินเพิ่มเป็น 4-5 กิโลกรัม ต้องมีการขัดศรีฉวีวรรณ เช่น หลังไปนอนน้ำกลับมาแล้วก็ต้องมีการอาบน้ำฟอกสบู่ทำความสะอาดเพิ่มเติม ซึ่งตัวแพงที่สุดที่เราเคยขายไปอยู่ที่ตัวละ 600,000 บาท แต่กลุ่มคนที่ค้าขายในกลุ่มนี้จะยังมีน้อยเพราะเป็นกลุ่มที่ลงทุนสูง”

ถัดมา กลุ่มที่ 2 กลุ่มพ่อแม่พันธุ์ ที่พัฒนาแล้วสามารถนำไปต่อยอดเป็นพ่อแม่พันธุ์ต่อไปได้ กลุ่มที่ 3 ควายเนื้อ ขุนเพื่อขายเนื้อ และกลุ่มที่ 4 ควายนม ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่คุณผึ้งกำลังมีการต่อยอดและเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หมุนเวียนรายวันได้ “ตอนนี้ที่ฟาร์มเลี้ยงควายอยู่ 42 ตัว แม่ควายนมอยู่ 9 แม่ แต่ตอนนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ(ศูนย์ดำรงพันธุ์สัตว์) มีโครงการสนับสนุนควายเพิ่มให้อีก 40 แม่ในปีนี้ ทำให้เรากำลังวางแผนปรับเปลี่ยนฝูง โดยจะลดการผลิตควายเนื้อลง เพื่อรอรับควายนมแทน เพราะตอนนี้ที่ฟาร์มจะมองเรื่องความนมเป็นหลัก” คุณผึ้ง กล่าว

และแม้ที่ผ่านมาในเรื่องการบุกเบิกตลาด “ควายนม” ในช่วงแรกๆ จะค่อนข้างลำบาก เนื่องจากยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย แต่คุณผึ้งก็พยายามพัฒนาตลาดในท้องถิ่นและเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น “ตอนแรกๆ ไม่มีคนรู้จักลำบากหน่อย ผึ้งก็ลดแลกแจกแถมกันสนั่นไปเลย เพราะเราอยากให้ทุกคนได้ชิม เพราะผึ้งมองเรื่องของสุขภาพ คือนมควายเขามีประโยชน์มาก เพราะหากตรวจคุณภาพเปรียบเทียบกับนมวัวและนมแพะจะเห็นได้ว่า นมควายจะมีไขมันดีสูงกว่านมวัว คือ นมวัว 6-7% นมควาย 11.4% โปรตีน 8% แคลเซียมสูง เมื่อเอามาแปรรูปผึ้งตั้งราคาขายไม่แพง อย่าง นมสด ขายขวดละ 35 บาท โยเกิร์ตถ้วยละ 20 บาท เต้าฮวยนมสด 20 บาท เพราะอยากให้คนส่วนมากได้กิน ไม่ใช่แค่คนบางกลุ่มได้กิน ซึ่งตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกค้าประจำในบุรีรัมย์ 2-3 เจ้า และส่งให้ลูกค้าในจังหวัดใกล้เคียง เช่น กรุงเทพฯ นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี ส่วนในจังหวัดไกลๆ ที่การขนส่งมากกว่า 1 วันยังไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นการทำแบบโฮมเมด ซึ่งต่อไปก็จะมีการพัฒนาสู่ระบบอุตสาหกรรมในอนาคต” และนอกจากการแปรรูปผลิตภัณฑ์ “นมควาย” ในอนาคต “รวินันท์ฟาร์ม” จะพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงควาย และฟาร์มสเตย์ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มาเรียนรู้วิธีการเลี้ยงควาย และได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชนบทในรูปแบบการท่องเที่ยวอีกด้วย

ท่านใดสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ “รวินันท์ฟาร์ม” เลขที่ 139 หมู่ 6 ต.หนองโสน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ 31110 โทร.086-257-3364 Facebook : รวินันท์ฟาร์ม