“จุรินทร์” นำ “เกษตรฯ-พาณิชย์” ขึ้นเหนือ ตรวจเยี่ยม “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน” และประกันรายได้เกษตรกร พร้อมประชุมแก้ปัญหาราคาผลไม้ -ผลไม้ส่งออก เจาะละเอียดแก้ทุกจุดให้ชาวสวนผลไม้ทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประชุมติดตามสถานการณ์ผลไม้ภาคเหนือ(ลำไยมะม่วง) โดยมีเกษตรกร สมาคมด้านการเกษตรต่างๆ ผู้ประกอบการ-ภาคเอกชน ผู้ส่งออก ผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาเกษตรกร ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เข้าร่วม ณ ห้องประชุม อบจ.ลำพูน
นายจุรินทร์ ได้รับฟังปัญหาและให้ทุกฝ่ายเสนอแนวทาง โดยมีกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงถึงการติดตาม แก้ไขปัญหาผลไม้ จากนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับชาวสวนลำไยในส่วนของทั้งกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ มีมาตรการร่วมกันในการที่จะเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนลำไยซึ่งฤดูกาลผลิตที่จะมาถึงนี้ลำไยจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20 จากปีที่แล้ว ได้มีมาตรการเชิงรุก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะรับไปดำเนินการคือ 1.เรื่องของการเร่งรัดการออกเอกสารรับรองคุณภาพของสวนหรือที่เรียกว่า GAPให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งขณะนี้สำหรับสวนลำไยนั้นสามารถออกใบ GAP ได้ร้อยละ 15 ของสวนทั้งหมด แต่กระทรวงเกษตรก็จะไปเร่งรัดดำเนินการต่อไปเพื่อช่วยส่งเสริมการส่งออก เพราะถ้าไม่มี GAP ก็จะไม่สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเราได้ 2.เรื่องของการดำเนินการเพื่อช่วยให้การส่งออกคล่องตัวขึ้นภายใต้ความรับผิดชอบของกรมวิชาการเกษตร ในเรื่องของการที่จะต้องมีใบรับรองสุขอนามัย หรือที่เรียกว่า Health Certificate ซึ่งเอกชนอยากได้การตรวจสอบในระบบออนไลน์เพื่อจะได้ตรวจดูว่ามีใบรับรองสุขอนามัยของเจ้าของสวนรายใดหรือผู้ส่งออกรายใดที่ได้ใช้ไปแล้วบ้าง เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อน ขอให้ทางกรมวิชาการเกษตร ได้ช่วยทำแอพพลิเคชั่นหรือระบบการตรวจสอบออนไลน์ที่อำนวยความสะดวกไม่ต้องรอโทรศัพท์ไปสอบถามจากเจ้าหน้าที่แบบระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนก็รับไปในส่วนของจังหวัดลำพูนและกรมวิชาการเกษตรก็รับไปในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเข้ามาส่งเสริมการบริโภคลำไยทั้งในตลาดต่างประเทศและในประเทศนั้นมีมาตรการออกมาก่อนหน้านี้แล้วได้ทันทีที่ผลผลิตออกมาในช่วงเดือนกรกฎาคม
มาตรการที่หนึ่ง ในเรื่องของการที่จะช่วยค่าบริหารจัดการสำหรับการจำหน่ายในประเทศสำหรับผู้รวบรวมลำไยกิโลกรัมละ 3 บาท วงเงินไว้ 199 ล้านบาท และสำหรับผู้ที่รวบรวมและส่งออกไปยังต่างประเทศด้วยตัวเองจะช่วยกิโลกรัมละ 5 บาท ภายใต้วงเงิน 51 ล้านบาท และในเรื่องของดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับผู้รวบรวมผลไม้หรือลำไย ผู้แปรรูปและผู้ส่งออกสามารถใช้วงเงินกู้ที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปช่วยสนับสนุนดอกเบี้ยให้อีกร้อยละ 3 เช่นถ้ากู้ 4% ก็รับภาระดอกเบี้ยแค่ 1% เพราะกระทรวงพาณิชย์ช่วยร้อยละ 3 ภายในวงเงิน 45 ล้านบาท
เพื่อเตรียมช่วยชาวสวนลำไยและผลไม้ทุกชนิดด้วย นี่คือมาตรการที่จะช่วยชาวสวนผลไม้ทุกชนิดต่อไปด้วย และขณะเดียวกันได้มีการเตรียมงานสำหรับการจัดเทศกาลส่งเสริมการบริโภคผลไม้ในช่วงสองเดือนนี้เป็นกรณีพิเศษในวงเงินอีก 50 ล้านบาทในการจัด Thai Fruit Golden Months คือเดือนมิถุนายนกับเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะช่วยระบายลำไยด้วย สำหรับตลาดในประเทศได้อีกเยอะทีเดียวส่วนตลาดส่งออกก็จะช่วยเร่งรัดแก้ปัญหาหลายประการเช่นในเรื่องของการส่งออกผลไม้จากประเทศไทยผ่านประเทศลาวหรือผ่านประเทศเวียดนามไปยังจีนตอนใต้ขณะนี้ทางกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรเข้าไป ช่วยคลี่คลายปัญหาให้คล่องตัวขึ้นทั้งด้านผิงเสียงโหยวอี้กวน ตงซิงและทางใต้แถวมาเลเซีย ด่านปาดังเบซาร์ก็ข้ามแดนได้แล้วเช่นเดียวกัน
ในเรื่องของการเปิดตลาดเพิ่มเติมในต่างประเทศเช่นตลาดยุโรปตลาดแคนาดาตลาดรัสเซียกระทรวงพาณิชย์ได้มีการเตรียมมาตรการไว้แล้วโดยเฉพาะตลาดในตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากและกระทรวงพาณิชย์จะช่วยดำเนินการในการเปิดตลาดเพิ่มเติมต่อไปด้วยรวมทั้งในตลาดเดิมของเราคือตลาดอินโดนีเซียที่ปีที่แล้วเราส่งออกไม่ได้ แม้จะมีมาตรการกำกับมาหลายขั้นตอน แต่ปีนี้กระทรวงพาณิชย์ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะให้ตลาดอินโดนีเซียเปิดตลาดให้กับประเทศไทยรวมทั้งตลาดออนไลน์
“พรุ่งนี้แพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงมีผู้นิยมระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Tmall ของอาลีบาบาที่มุ่งเน้นตลาดจีน และ bigbasket.com ของอินเดีย Amazon ของสหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ Lotte ของเกาหลี รวมทั้งตลาดอื่นๆ ที่มีแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงในหลายประเทศเราได้ดำเนินการให้ผลไม้ไทยเกรดพรีเมียมได้ไปขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และวันที่ 9 ที่จะถึงนี้ ผมก็จะทำหน้าที่ช่วยเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่มากของประเทศไทยมาบริโภคผลไม้โดยผ่านการไลฟ์สดที่ชวนเชิญชวนคนจีนมาดูไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนก็จะมีส่วนช่วยในการประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยโดยเฉพาะลำไยให้คนจีนมาบริโภคมากขึ้น”นายจุรินทร์ กล่าว